พ.ร.บ. รถยนต์ กับ ภาษีรถยนต์ จ่ายพร้อมกันแต่คนส่วนกันนะ

พ.ร.บ.รถยนต์ กับ ภาษีรถยนต์ แตกต่างกันอย่างไร?

            ในแต่ละปีผู้ใช้รถยนต์ต้องทำอย่างต่อเนื่องทุกๆ ปี คงไม่มีใครไม่นึกถึง การต่อ พ.ร.บ.รถยนต์ และ การต่อภาษีรถยนต์ ใช่ไหมล่ะคะ เพราะหากรถยนต์ของเรา ไม่มี พ.ร.บ.รถ และ ไม่มี ภาษีรถยนต์ ก็จะเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และมีโทษปรับตามกฎหมายได้ ทั้งนี้ใครหลายคนอาจยังสงสัยว่า พ.ร.บ.รถยนต์ กับ ภาษีรถยนต์ แตกต่างกันอย่างไร และมีความจำเป็นกับรถยนต์มากขนาดไหน โดยเฉพาะ “มือใหม่หัดขับ” ที่อาจจะยังไม่รู้ข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับกฎข้อบังคับในการใช้รถยนต์สักเท่าไร วันนี้ Srikrung Unity จะมาไขข้อสงสัย เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่าง พ.ร.บ.รถยนต์ และ ภาษีรถยนต์ แล้วทำไมกฎหมายถึงบังคับให้รถยนต์ทุกคันต้องมี

 

พ.ร.บ.รถยนต์ คืออะไร

             “พ.ร.บ.รถยนต์” คือ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ซึ่งเป็นประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ เนื่องจากมีกฎหมายบังคับให้รถยนต์ทุกคันจำเป็นต้องทำประกันตัวนี้ ซึ่ง พ.ร.บ.รถยนต์ หรือ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 นั้นคือกฎหมายที่กำหนดและบังคับให้รถทุกคันที่ได้จดทะเบียนไว้กับกรมการขนส่งทางบก จะต้องทำประกันภัยอันนี้ และการที่กฎหมายบังคับให้รถยนต์ทุกคันทำประกันตัวนี้เอาไว้ก็เพื่อที่จะเป็นหลักประกันและให้ความคุ้มครองกับคนทุกคนที่สัญจรไปมาอยู่บนถนน ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร บุคคลภายนอก หรือคนเดินถนน หรือ คู่กรณี ที่ได้รับความเสียหายต่อชีวิตและร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ทุพพลภาพ สูญเสียอวัยวะ หรือ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นคนที่กระทำผิดหรือไม่ก็ตาม ซึ่งโดยปกติแล้วหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นและมีคนที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุนั้น กฎหมายก็จะให้ความคุ้มครองกับทั้งคู่กรณีและคนที่เอาประกัน ในรูปแบบของเงินชดเชย ค่ารักษาพยาบาล หรือ ค่าปลงศพ ตามที่กฎหมายกำหนด แก่ผู้ประสบภัย

ยิ่งกว่านั้นสาเหตุหลักๆ ที่รัฐออกกฎหมายบังคับให้รถทุกคันบนท้องถนนต้องทำ พ.ร.บ.รถยนต์ ก็เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ให้สามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที และเพื่อเป็นหลักประกันว่าสถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลนั้นๆ จะได้รับค่ารักษาพยาบาลจากการที่รับผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์มารักษา ฉะนั้น พ.ร.บ.รถยนต์ คือ ประกันภัยภาคบังคับที่รถยนต์ทุกคันต้องทำก่อนที่จะมีการนำรถยนต์ไปตรวจสภาพและเสียภาษีในลำดับถัดไป

พ.ร.บ.รถยนต์ จะให้ความคุ้มครองเพียง 1 ปีเท่านั้น เมื่อ พ.ร.บ.รถยนต์หมดอายุ ต้องทำการต่อ พ.ร.บ. เป็นประจำทุกปี ไม่เช่นนั้นจะมีโทษปรับเป็นเงินไม่เกิน 10,000 บาท แถมยังไม่สามารถต่อภาษีรถยนต์ได้อีกด้วย

              

พ.ร.บ.รถยนต์ คุ้มครองอะไรบ้าง

              สำหรับความคุ้มครองของ พ.ร.บ. รถยนต์ นั้น ผู้ประสบภัยทุกคนสามารถเบิกได้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูกในอุบัติเหตุก็ตาม โดยมีรายละเอียดความคุ้มครอง ดังนี้

ตารางความคุ้มครอง พ.ร.บ.รถยนต์

1. ค่าเสียหายเบื้องต้น (ได้รับโดยยังไม่ต้องพิสูจน์ความผิด)

1.1 ค่ารักษาพยาบาล จากการบาดเจ็บ (ตามจริง)

ไม่เกิน 30,000

1.2 การเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพอย่างถาวร      

35,000

2. ค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติม หรือ ค่าเสียหายส่วนเกิน (ได้รับเฉพาะฝ่ายถูก)

2.1 ค่ารักษาพยาบาล จากการบาดเจ็บ             

ไม่เกิน 80,000

2.2 การเสียชีวิต หรือทุพพลภาพอย่างถาวรสิ้นเชิง

500,000

2.3 กรณีทุพพลภาพถาวร

300,000

2.4 กรณีทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง

500,000

2.5 สูญเสียอวัยวะ

       - นิ้วขาด 1 ข้อขึ้นไป

       - สูญเสียอวัยวะ 1 ส่วน

       - สูญเสียอวัยวะ 2 ส่วน


200,000

250,000

500,000

2.6 เงินชดเชยรายวัน 200 บาท รวมกันไม่เกิน 20 วัน (กรณีพักฟื้นเป็นผู้ป่วยใน)

 สูงสุดไม่เกิน 4,000

 

ภาษีรถยนต์ คืออะไร

              สำหรับ “ภาษีรถยนต์” คือ ค่าใช้จ่ายที่เจ้าของรถยนต์ทุกคันจะต้องชำระเป็นประจำทุกปีให้กับกรมขนส่งทางบก (หน่วยงานภาครัฐ)  ซึ่งภาษีรถยนต์นี้จะเป็นการจ่ายเงินเพื่อนำไปดูแลรักษาระบบคมนาคมและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง หรือพูดง่ายๆ ก็คือทางภาครัฐจะนำเงินที่ได้จากภาษีรถยนต์ไปปรับปรุง พัฒนา หรือซ่อมแซมถนนหนทางและอุปกรณ์อื่นๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนน ซึ่ง ภาษีรถยนต์ หรือที่ใครหลายคนเรียกกันติดปากว่า ต่อทะเบียนรถยนต์ เป็นสิ่งที่รถยนต์ทุกคันต้องทำเป็นประจำทุกปีตามที่กฎหมายกำหนด หากรถยนต์คันใด ไม่ได้ต่อภาษีรถยนต์หรือต่อภาษีรถยนต์ล่าช้า จะมีค่าปรับ 1% ต่อเดือน และหากขาดต่อภาษีรถยนต์ นานติดต่อกัน 3 ปี จะทำให้ทะเบียนรถยนต์ถูกระงับ และต้องเสียค่าปรับในการชำระภาษีรถยนต์ย้อนหลังอีกด้วย

 

พ.ร.บ.รถยนต์ ต่างจาก ภาษีรถยนต์ อย่างไร

              จากข้อมูลด้านบน เราสามารถสรุปได้ว่า พ.ร.บ.รถยนต์ และ ภาษีรถยนต์ นั้นมีความแตกต่างกัน ดังนี้

“พ.รบ.รถยนต์” คือ การทำประกันภัยภาคบังคับ สำหรับคุ้มครองความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์

“ภาษีรถยนต์” คือ การต่อทะเบียนรถยนต์ประจำปี โดยเงินภาษีที่จ่ายไปก็จะนำไปพัฒนาระบบคมนาคมให้ดียิ่งขึ้น

              แต่ก็มีหลายคนมักเข้าใจผิดว่าการต่อพ.ร.บ.และภาษีรถยนต์เป็นเรื่องเดียวกัน ก็อาจจะเป็นเพราะว่าการดำเนินการต่ออายุของทั้งสองสิ่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการต่อพ.ร.บ และการต่อภาษีรถยนต์ จะต้องดำเนินการควบคู่กันไป หากรถยนต์คันใดไม่ได้ต่อพ.ร.บ. และภาษีรถยนต์ ก็ไม่สามารถต่ออายุได้เช่นกัน เพราะจะต้องใช้เอกสารพ.ร.บ.รถยนต์แนบไปกับการต่อภาษีรถยนต์นั่นเอง ซึ่งเมื่อต่อภาษีรถยนต์เรียบร้อยแล้ว ก็จะได้รับแผ่นป้ายสี่เหลี่ยมสำหรับมาติดกระจกหน้ารถ ที่เรียกกันว่า “ป้ายภาษี” หรือที่แต่เดิมนิยมเรียกกันว่า ป้ายวงกลม ไม่ใช่ป้าย พ.ร.บ.รถ อย่างที่หลายคนเข้าใจกัน เพราะความจริงแล้ว พ.ร.บ.รถยนต์ จะเป็นเอกสารขนาด A4 ที่แสดงรายละเอียดรถยนต์และกรมธรรม์ พ.ร.บ.รถยนต์อย่างชัดเจน

รถ ไม่ได้ ต่อ พ.ร.บ. และ ภาษีรถยนต์ จะมีผลอย่างไร

              พ.ร.บ.รถยนต์ และ ภาษีรถยนต์ นั้นมีอายุเพียง 1 ปีเท่านั้น เมื่อครบกำหนดพ.ร.บ.รถยนต์ขาดหรือ ภาษีรถยนต์หมดอายุ จะต้องต่อ พ.ร.บ. และภาษีรถยนต์ แต่หากรถคันใดที่ไม่มีพ.ร.บ.รถยนต์ มีโทษปรับสูงสุด 10,000 บาท หากใครที่มัวแต่ชะล่าใจไม่ไปต่อภาษีรถยนต์นานเกิน 3 ปี ส่งผลให้รถยนต์ถูกระงับป้ายทะเบียน ต้องทำเรื่องขอจดทะเบียนใหม่ แถมผู้ประสบภัยจากรถจะไม่ได้รับความคุ้มครองหากรถเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย

 

ต่อ พ.ร.บ. ภาษีรถยนต์ ล่วงหน้าได้ไม่เกิน 3 เดือน

              ทั้งพ.ร.บ.รถยนต์ และภาษีรถยนต์ ต่างก็มีความสำคัญและมีความเกี่ยวข้องกันเป็นอย่างมาก รถยนต์ทุกคันจึงจำเป็นที่จะต้องต่อพ.ร.บ. และภาษีรถยนต์เป็นประจำทุกปี โดยสามารถได้ล่วงหน้าก่อนวันหมดอายุไม่เกิน 3 เดือน หรือประมาณ 90 วัน

              เท่านี้ก็ได้ทราบกันไปแล้วว่า “พ.ร.บ.รถยนต์” แตกต่างจาก “ภาษีรถยนต์” อย่างไร และมีความสำคัญต่อรถยนต์ของเรามากขนาดไหน หากใครที่ พ.ร.บ.รถ ใกล้หมดอายุแล้ว สามารถ ต่อ พ.ร.บ.รถ ออนไลน์ได้แล้ววันนี้ที่ Srikrung Unity เริ่มต้นเพียง 514 บาทเท่านั้น ทำง่าย ๆ เพียง คลิกที่นี่

 

20 มี.ค. 2566 13:34 น. โดย ผู้ดูแล ระบบ
คุยกับเรา